วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

THEME....BRAIN  (แนวคิดเรื่องสมอง)
                สำหรับผมแล้ว สิ่งที่ยากกว่าการถ่ายภาพคือ “ภาพที่จะถ่าย” ครับ เราได้โจทย์ทำ POSTER โฆษณางานวันเกษตรแห่งชาติ 2559 มา ต้องการประชาสัมพันธ์งานแล้วเราจะตีโจทย์อย่างไร ผมมีแนวคิดมาฝากดังนี้ครับ
1.             POSTER (แผ่นโฆษณา) มันต้องทำหน้าที่ด้วยตัวมันเอง ไม่มีใครมาบอกเราให้ไปดู POSTER แต่ทำอย่างไรให้ POSTER มันดึงดูดให้คนเข้าไปมองที่มันต่างหาก
2.             เราสามารถเพิ่มแรงกระตุ้นผู้ชมได้ ด้วยการสร้างความสนใจจากภาพ ใช้คนดึงคน มาดู POSTER ถ้าดึงคนมาดูได้แล้ว แล้วเขาจะอ่านรายละเอียดเองครับ
3.             ใส่แนวคิดเข้าไปก่อนการถ่ายภาพ เราตีโจทย์ว่ามหาวิทยาลัยเป็นแหล่งผลิต มันสมอง (BRAIN) ทางด้านการเกษตร ก็ตีโจทย์ให้ หัวของแบบ เป็นเรื่องเกษตรที่จะถ่ายทอดสู่ชุมชน หลังจากที่เขาจบการศึกษาไปแล้ว
4.             การถ่ายทำครั้งนี้ไม่ยากครับ ใช้ไฟดวงเดียว โดยใช้ไฟ Beauty dish 1ดวง ขนาด 400 watt กับฉากหลังสีขาว ช่างแต่งหน้าทำผม จัดสิ่งต่างๆ ลงบนหัวของแบบ ถ่ายโดยใช้เลนส์ช่าง 50 MM. เพื่อได้สัดส่วนภาพดูเป็นธรรมชาติ ธรรมดาที่สุด ผลจากไฟของ Beauty dish ทำให้เกิดประกายตาเป็นวงกลม ฉากหลังจะโดนแสงแฟลต ลักษณะเป็นวงกลม ล้อมรอบตัวแบบ จุดที่โดนแสงน้อยจะกลายเป็นสีเทาและจะไล่โทนไปจนถึงสีดำ ทำให้ได้มิติภาพที่น่าสนใจไม่น้อยครับ จากนั้นก็จัดวางทำเป็น POSTER ขนาด A3 โดยมีแนวคิดเป็นชุด BRAIN 1 ชุด มี 6 ภาพครับ

“เห็นไหมครับว่า การถ่ายภาพไม่ยาก แต่ที่ยากกว่าคือ จะถ่ายอะไรต่างหาก”

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

BACK.....(ข้างหลังภาพ)
สุดท้ายแล้ว ผมก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าภาพจะไม่มีวันตาย หรือหายไปจากโลกใบนี้
และในอนาคต ผู้คนก็จะสื่อสารกันด้วยภาพมากยิ่งขึ้น ภาพจะกลายไปเป็นภาษาที่คนสื่อสาร
ถึงกัน ภาพจะยังคงบอกเล่าเรื่องราวต่างๆได้ด้วยตัวของมันเอง
แนวคิดในการถ่ายภาพ เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น
ใครก็ตาม ที่สามารถ ถ่ายภาพแล้วสามารถทำให้ภาพนั้น ดูได้นานๆ ไม่เบื่อ ดูกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่า
มีความสุขกับการได้ชมภาพๆนั้น ผมว่าก็เพียงพอแล้ว
ประสบการณ์จากการถ่ายภาพ การลองผิดลองถูก และการมีจิตใจที่รักการถ่ายภาพ
เท่านั้นที่จะทำให้คุณสามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆ กลายเป็นภาพถ่ายที่ดี และมีประโยชน์ต่อตัวคุณเอง และคนรอบข้างของคุณ หรืออย่างก็ทำให้คุณได้เก็บไว้ดูได้นานๆ เอากลับมาดูเมื่อไรก็มีความสุข
สรุปส่งท้ายนะครับ สำหรับผมแล้ว การมีความรู้ในศาสตร์ด้านการถ่ายภาพยังไม่มีความสุขเท่ากับการได้เผยแพร่ความรู้นั้นสู่คนอื่นต่อไป ตอนนี้ผมได้ทำแล้วครับ และจะทำต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมีเรี่ยวแรงทำได้อยู่ครับ
เพราะภาพทุกภาพล้วนมีเรื่องราว ภาพทุกภาพล้วนมีเบื้องหลัง ให้เราได้จดจำเรียนรู้ และทดลอง ทดสอบ เพื่อมองหามุมมองอะไรใหม่ๆ แต่สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ให้การถ่ายภาพ มันเกิดความสุขขึ้นในใจของเราเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ

ขอให้มีความสุขในการถ่ายภาพกันทุกคนนะครับ
LADDER....(ต้องใช้บันไดช่วย)

ภาพนี้ต้องใช้บันไดช่วยครับ เพราะก่อนที่ถ่ายภาพนี้ ผมมีแนวคิดที่อยากจะได้ ภาพของคน 2 คน หันหน้ามามองที่กล้อง แต่ให้ศีรษะอยู่คนละทาง เลยต้องใช้วิธีนอนลงไปบนฉากสีขาวเลยครับ โดยมีหลักการว่า ให้ลำตัวของแบบ เฉียงผ่านเส้นทแยงมุมของภาพเพื่อให้ภาพมีการเคลื่อนไหวของสายตา เพิ่มสีสันโดยการเติมลูกโป่งหลากสีเข้าไป จากนั้นก็ต้องใช้บันไดปีนขึ้นไป แล้วพยายามให้กล้องขนานกับแบบมากที่สุด เป็นมุมภาพแบบ Hi Angle(ถ่ายจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ)เพื่อความคมชัดของการโฟกัสภาพครับ จัดไฟเป็นลักษณะของ Hi-Key ใช้ไฟ 4 ดวงครับ
PSYCHOLOGICAL LINE (SILHOUETTE)…..“ภาพเงามืดสื่ออารมณ์และความหมาย
ภาพเงามืด หมายถึง ภาพที่ไม่มีรายละเอียดภายในรูปทรงของวัตถุ (SHAPE) แต่เราจะมองเห็นเพียงลายเส้น (LINE) กับแสงมาที่ตกกระทบวัตถุแบบย้อนแสงเท่านั้น ก็เท่ากับว่าเราต้องสื่อความหมายด้วยลายเส้นของวัตถุนั่นเองครับ
                หลักการง่ายๆ ก็คือ การถ่ายภาพโดยให้วัตถุหรือแบบที่ถ่ายย้อนกับแหล่งกำเนิดแสง โดยการจัดวางองค์ประกอบภาพที่เหมาะสม หรือการเลือกทิศทางของแสงเพื่อให้เกิดความลึกขึ้นในภาพ
                การบอกเล่าเรื่องราวด้วยลายเส้นนั้น แม้จะไม่มีรายละเอียดในส่วนของวัตถุ แต่เราจะมองในลักษณะของระนาบหรือรูปทรง (SHAPE) โดยเน้นที่โครงของภาพ โดยให้เห็นเป็นลายเส้นที่ชัดเจน (LINE)
                ภาพลักษณะนี้จะมีผลต่อความรู้สึกของผู้ดูภาพ โดยเราสามารถสื่ออารมณ์ของภาพ และเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ด้วย ท่าทางต่างๆ หรือบางครั้งเราเรียกว่า รูปทรงของร่างกาย (PSYCHOLOGICAL LINE)

                ดังนั้นเส้นในภาพ จะมีอิทธิพลต่อการมองในแง่ของจิตวิทยา บางครั้งช่วยสื่อความหมายได้ดีกว่าการมองเห็นรายละเอียดในภาพเสียด้วยซ้ำไป
DIFFERENT ANGLE….(เปลี่ยนมุมมองในการถ่ายภาพ) ขณะที่ผมถ่ายภาพโฆษณาชุดนี้ ก็ถามตัวเองว่า จะถ่ายภาพอย่างไรให้ได้มุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมที่เคยถ่าย เพราะถ้าถ่ายภาพจากมุมสูง หรือมุมต่ำก็ลองมาหมดแล้ว ทำไมไม่ลองเปลี่ยนตำแหน่งของใบหน้าแบบดูบ้าง จากนั้นจึงให้แบบนอนราบลงบนโต๊ะ ก็จะพบว่า ระนาบของดวงตาที่กลับด้านนั้นน่าสนใจไม่น้อยที่เดียวครับ เป็นมุมมองที่แบบก็สบาย คนถ่ายภาพก็ได้มุมภาพใหม่ๆ นำไปใช้ในงานโฆษณาได้ดีทีเดียวเลยครับ
SPACE FOR PORTRAIT….. “ที่ว่างในภาพถ่ายบุคคล”
“ถ้าการถ่ายภาพบุคคล คือการนำเสนอภาพของบุคคลๆ หนึ่งให้น่าสนใจขึ้นมา และดูได้นานๆ ไม่เบื่อและที่สำคัญ ยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่สื่อสารกับผู้ชมได้ด้วยต้องเริ่มต้นอย่างไรดี?
การถ่ายภาพบุคคลต้องอาศัยการเรียนรู้ในเรื่องของ “ศิลปะ” เพื่อนำมาใช้การจัดองค์ประกอบภาพ (COMPOSITION) ในการถ่ายภาพบุคคล คำว่า องค์ประกอบศิลป์ (COMPOSITION ARTS) เป็นสิ่งสำคัญ การมองเข้าไปในรายละเอียดของภาพ (ELEMENTS OF ARTS) 1 ภาพนั้น เราจะพบ จุด (DOT) เส้น (LINE)  และระนาบหรือรูปทรง (PLANE/SHAPE)
                จุด = ก็คือจุดที่คนทั่วไปสนใจที่จะมองภาพๆ นั้น ในที่นี่เราหมายถึงตัวแบบ จะเน้นและวางตัวแบบอย่างไรในภาพนั้น
เส้น = เส้นที่มีอยู่ในธรรมชาติ หมายถึง ฉากหลักหรือฉากหน้าของภาพ โดยการมองให้เห็นเส้นที่มีอยู่ในองค์ประกอบของภาพ
ระนาบ = พื้นที่ส่วนใหญ่ในภาพที่มีรูปทรงต่างๆ และสามารถกลายไปเป็นช่องว่าง (SPACE)  ในภาพก็ได้
                หลักการจัดให้เกิดช่องว่าง (SPACE) ก็คือ ให้จุดในภาพ (แบบ) มีพื้นที่ในภาพไม่เกิน 1 ใน 3 ของภาพ (10-30%) ของภาพทั้งหมด ที่เหลือในภาพ ไม่ว่าจะเป็น เส้น หรือ ระนาบ ในภาพก็จะกลายไปเป็นช่องว่าง (SPACE) ซึ่งจะส่งผลให้ภาพดูได้สบายตา เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นภาพในภาพจากการจัดองค์ประกอบของศิลปะนั่นเอง


CENTER……..“หลักการวางจุดสนใจไว้กลางภาพ
“ถึงแม้ว่าจุดสนใจของภาพ จะอยู่ในมุมต่างๆ ของภาพดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ในเรื่องจุดตัด 9 ช่องหรือ กฎ 3 ส่วน (RULE OF THIRD) แล้วก็ตาม แต่เราก็สามารถจัดวางจุดสนใจไว้กลางภาพ  (CENTER) ได้ครับ”
CENTER หรือตามกลางภาพนั้น เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของจุดสนใจในภาพ ให้เป็นจุดเด่นของภาพ (EMPHASIS) หลักคิดที่ว่า ทำอย่างไรให้ภาพของเราเกิดจุดเด่นขึ้นมาได้
จุดเด่น หรือจุดเน้น เราสามารถเน้นด้วย ความคมชัด (FOCUS) เน้นด้วย สี (COLOR) หรือเน้นด้วยความหมาย (MEANING ) ในภาพนั้น
ดังนั้นในการจัดองค์ประกอบภาพ เราอาจวางภาพไว้ตรงกลางได้ ถ้าบริเวณรอบๆ ภายในภาพนั้นไม่แย่งความสนใจ หรือดึงดูดความสนใจได้มากกว่าตรงบริเวณกลางภาพ

การวางวัตถุไว้ตรงกลาง (ถ้าเป็นคนก็คือใบหน้า / ดวงตาของแบบ) ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ชมภาพโดยทั่วไป จะมองเป็นจุดแรก เมื่อมองแล้วรอบๆ บริเวณจุดนั้นไม่มีอะไรแย่งความสนใจจากจุดเด่นนั้นไปได้แล้ว ก็จะกลายไปเป็นจุดเด่นหรือจุดเน้นของภาพขึ้นมาในทันทีครับ
REFLEX LENS…….(วาดภาพจากแสงด้วยเลนส์สะท้อน)
Reflex Lens หรือ Mirror Lens จะใช้หลักการให้แสงส่องผ่านเข้าสู่ชิ้นเลนส์โดยตรง แล้วให้เกิดการสะท้อนไปมาในกระบอกเลนส์เพื่อให้ได้ ความยาวโฟกัสตามที่ต้องการ จึงทำให้ตัวกระบอกเลนส์มีความเล็กลง ไม่ยืดยาวออกไป
Drawing......with Reflex Lens Minolta
จากการลองใช้งาน พบว่าเลนส์ตัวนี้ Focus บางมากครับ ถ่ายยากนิดนึง ควรมีขาตั้งกล้อง หรือไม่ก็ให้ความเร็วชัตเตอร์สูงหน่อยนะครับ แต่ที่ผมชอบเห็นจะเป็นเรื่องของ ผลที่เกิดขึ้นกับฉากหลัง ดุจดังภาพวาดเชียวครับ จะสังเกตุเห็นเป็นวงกลมเล็กๆซ้อนกันอยู่ที่ฉากหลังที่เรียกกันว่า โดนัท ที่เป็นผลจากเลนส์ประเภทนี้
ยังไงก็ได้ฉากหลังแปลกตา สวยงาม ออกจะหวานๆ ดีครับ

Lens Reflex....ทดสอบเลนส์ Minolta 250mm f=5.6 +Canon Eos 60D
BLACK BACKGROUND…….(ฉากหลังสีดำ)ผมได้โจทย์มาให้ถ่ายภาพ ประกอบบทความเกี่ยวกับการ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Save The World) ก็เลยพยายามตีโจทย์เป็นภาพที่เห็นนี้แหละครับ ผมถ่ายภาพนี้โดยใช้แสงธรรมชาติครับ เป็นแสงแดดยามบ่ายที่ส่องมาจากทางด้านซ้ายมือของภาพครับ
แนวคิดก็คือ ถ่ายที่ไหนก็ได้ครับ ขอให้มีแสงส่องถึง
จากนั้นผมเลือกใช้แผ่น ฟิวเจอร์บอรด สีดำมาเป็นฉากหลัง
ครับที่เลือกทิศทางแสงเฉียงก็เพื่อให้ เกิดมิติของภาพ ที่ตัดออกจากฉากหลังอย่างชัดเจน แต่มีข้อควรระวังก็คือ อย่าให้
แสงแดด ตกกระทบลงโดนที่แผ่น ฟิวเจอร์บอรด เพราะจะทำให้เห็นเป็นลายขึ้นที่ฉากหลัง ข้อแนะนำอีกประการหนึ่ง
ก็คือ ผมเลือกที่จะให้มือยืนออกมาจากมุมของภาพ
ทางด้านซ้าย เป็นเส้นแนวทแยงเพื่อให้ภาพนั้นดู

ไม่นิ่ง เกิดการเคลื่อนไหว ไปในตัวด้วยครับ
FEELING……“ความรู้สึกต้องมาก่อนท่าทาง
ความรู้สึก (FEELING) ต้องมาจากภายใน (INNER) ซึ่งมีผลทำให้เกิดท่าทาง (ACTING) ตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งมันจะแสดงออกที่ดวงตา ใบหน้า และท่าทาง
                ภาพบุคคลนั้นเรารับรู้ความรู้สึกได้จากแววตา ของแบบถ้ามาจากข้างใน (INNER) จะสามารถแสดงออกได้ เช่น กล้ามเนื้อบนใบหน้า หู จมูก ปาก  การเคลื่อนย้ายตำแหน่งของมือและลำตัว มันจะไปด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่มักจะพบก็คือ ความรู้สึก จะทำให้เกิดท่าทาง ถ้าความรู้สึกมาจากข้างในแล้วท่าทางจะแสดงออกมาเอง และเป็นธรรมชาติด้วย

                ดังนั้นการถ่ายภาพ ก่อนที่จะให้แบบทำท่าทางอะไร (ACTING) ให้บอกต้องรู้สึกอะไร (FEELING) ก่อนให้มันมาจากข้างใน เผื่อรูปถ่ายจะได้สื่อสารกับผู้ชมได้มากขึ้นครับ
INFRARED VIEW….“อินฟาเรด ก็เป็นงานศิลปะการถ่ายภาพอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยม
นำมาถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ โดยอาศัย ค่าการสะท้อน (Refectory) ของ
วัตถุต่างๆที่เราถ่ายจะได้โทนสีที่เป็นลักษณะ ขาว เทา จนถึงดำ ขึ้นอยู่
กับวัตถุที่เราถ่ายนั่นเอง
ปัจจุบันนิยมดัดแปลงกล้อง DIGITAL โดยนำไปใส่ FILTER
INFRARED ใส่เข้าไป ซึ่งจะส่งผลถึงรูปภาพที่จะได้ลักษณะที่แปลกตา แม้
จะไม่มีสีสัน แต่เราก็สามารถปรับแต่งเป็นโทนสีต่างๆได้ สรุปก็คือ ถ้า
อยากถ่ายภาพแบบนี้ ต้องมีแสงตกกะทบวัตถุถึงจะเห็นผลได้ชัดเจน

จินตนาการและสร้างสรรค์ได้อย่างมีเอกลักษณ์ด้วยกล้องอินฟาเรดครับ
FOREGROUND VIEW....(มุมมองของฉากหน้า)

ฉากหน้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ เพราะนอกจากจะช่วยให้ภาพมีเรื่องราวมากขึ้นแล้ว ยังช่วยนำสานตาของผู้ชมไปยังฉากหลัง ช่วยทำให้ภาพมีมิติมากขึ้นด้วย หลักการก็คือก่อนถ่ายภาพทุกครั้ง ให้มองหาสิ่งต่างๆที่จะมาเป็นฉากหน้า อย่ามองเพียงแต่ระดับสายตาเท่านั้น อาจลดตัวลงต่ำหรืออาจทำตัวให้สูง เปลี่ยนมุมมองของกล้องในระดับต่างๆ ข้อสำคัญต้องหามันให้เจอ
LINE & LENS (FOCAL LENGTH)…..“ผลของเลนส์และเส้นที่มีอยู่ในภาพ
จากพื้นฐานการมองภาพก่อนบันทึก ผมเคยเสนอว่าให้มองหาเส้นในภาพให้เจอ เส้นต่างๆ ในภาพนั้นเราสามารถนำมาช่วยเสริมองค์ประกอบภาพของเราได้ครับ โดยใช้การเรียนรู้เรื่องเลนส์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
                เส้นในภาพจะเห็นผลได้ชัดเจน ในกรณีที่เราใช้เลนส์มุมกว้างที่มีคุณสมบัติที่ว่า วัตถุที่อยู่ใกล้จะใหญ่วัตถุไกลจะเล็ก เป็นภาพที่มีมิติ (PERSPECTIVE) ที่เหลือคือการจัดวางตัวแบบในตำแหน่งที่เหมาะสมกับทิศทางแสงและจุดสนใจครับ
                ส่วนคุณสมบัติของเลนส์ที่ควรรู้เบื้องต้นก็คือ
-           เลนส์มุมแคบ  ความยาวโฟกัสตั้งแต่ 50 MM ขึ้นไป (70 MM ไปจนถึง 400 MM) จะให้ผลของภาพ โดยจะดึงแบบเข้ามาใกล้กว่าปกติ และเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้จุดไหนชัด (FOCUS) หรือจุดไหนเบลอ (OUT OF FOCUS)
-           เลนส์มุมกว้าง  ความยาวโฟกัสตั้งแต่ 50 MM ลงไป (8 MM ไปจนถึง 35 MM) เลนส์ช่วงนี้จะให้ผลของภาพในลักษณะถีบห่าง จะดันแบบออกไป โดยทั่วไปภาพจะชัดเกือบทั้งภาพ แต่จะได้ลักษณะของการเล่นลวดลาย เส้นลายในภาพที่ชัดเจน

สรุปแล้ว ไม่ว่าจะใช้เลนส์ช่วงไหนก็ตาม คุณก็สามารถถ่ายภาพบุคคลได้ เพียงแต่ว่าต้องรู้จักเลือกใช้เลนส์ รู้คุณสมบัติของเลนส์ (FOCAL LENGTH) โดยต้องมองให้เห็น ลวดลาย ลายเส้นต่างๆ ในภาพ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ภาพถ่ายบุคคลสวยได้ตามที่ต้องการครับ
PRIVATE….ความชอบส่วนตัว...ผมว่า ช่างภาพควรมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและค้นหามันให้เจอ อาจเริ่มจากความชอบส่วนตัว เช่นชอบใช้เลนส์แค่ตัวเดียวชอบรูปแบบการถ่ายภาพแบบใดแบบหนึ่งดังที่กล่าวมา เขาถ่ายกันมุมนี้ เราไม่ถ่าย แต่ไปถ่ายอีกมุมหนึ่ง ไม่ต้องมีหลักการใดๆก็ได้ ขอให้มีแต่ความชอบส่วนตัวมาเป็นอันดับแรก จงให้ความรู้สึกชื่นชอบในภาพนั้นๆของคุณเป็นตัวตัดสินใจความเป็นตัวของคุณก็พอแล้ว
TELEPHOTO narrow…..ถ้าชอบถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์แล้วละก้อ อย่ามองหาแต่เลนส์ มุมกว้างนะครับ เพราะบางสถานที่เมื่อเรามองด้วยตาเปล่าดูสวยมาก พอยกเลนส์มุมกว้างขึ้นมาถ่าย ปรากฏว่ารูปออกมาดูหลวมๆ ไม่สวย เกิดการถีบห่างของวัตถุ ซึ่งจะดันภาพให้ไกลออกไป จากตัวอย่างภาพนี้ เป็นต้นครับ ผมถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้างแล้ว ภาพมันหลวมมาก มีสิ่งที่ไม่ ต้องการติดมาในภาพมากมาย ผมเลยถอยห่างออกไปจากจุดที่ยืน แล้ว เลือกใช้เลนส์มุมแคบแทนครับ เพราะเลนส์มุมแคบ หรือเลนส์ที่มีทาง ยาวโฟกัสยาวนั้น จะดึงภาพเข้ามาหาเรา จากนั้นก็เลือกจัดวางองค์ประ กอบได้ตามใจเลยครับCamera: Canon EOS1000D + Canon 70-200 (ช่วง 200 mm) F=8 Speed shutter= 1/60 ISO100 Mode AV
WALK…..(ต้องเดินเพื่อการเคลื่อนไหวของภาพ) ถ่ายภาพอย่างไรให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สุด นั่นคือโจทย์ที่ผมต้องตีให้แตกครับ ผมถ่ายอยู่หลายภาพ ก็พบว่า การเคลื่อนที่ เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ ไม่ต้องหยุด แต่ช่างภาพต้องหาจังหวะกดชัตเตอร์เอาเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะตอบโจทย์นี้ได้ครับ จากนั้นผมก็ให้คนทั้งคู่ เดินเล่นกันไป แล้วค่อยมองหาจังหวะ ที่ฉากหลังกำลังสวย อิริยาบถของทั้งคู่ที่ผ่อนคลาย พูดคุยกัน หลังถ่ายออกมาแล้วพบว่าดูเป็นธรรมชาตินั้น จะทำให้ภาพดูได้นานครับ